จากกระแสความแรงของการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ทำให้ทางคาสิโอ สร้างสรรค์นาฬิการุ่นใหม่ขึ้นมานั้นคือ EDIFICE สปอร์ตโครโนกราฟ เรือนบางรุ่นใหม่ล่าสุด 2 คอลเลคชั่น รวม 4 รุ่น ผลงานรังสรรค์ร่วมกับ 2 พันธมิตร ได้แก่ Scuderia Toro Rosso ซึ่งแบรนด์ EDIFICE เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการโดย EQB-1000TR และ EFR-S567TR เป็นนาฬิกา 2 รุ่นนี้เน้นการตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงิน แดง และเงิน ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสีของรถแข่งรุ่น STR14 ของทีม Scuderia Toro Rosso
และเสริมด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (วัสดุหลักที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถแข่ง) ที่หน้าปัดและขอบตัวเรือน มีความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา และฮอนด้า เรซซิ่ง ผู้ผลิตเครื่องยนต์ให้กับรถแข่งทีม Scuderia Toro Rosso (สคูเดอเรีย โทโร รอสโซ่) ได้แก่ EQB-1000HRS และ EQB-1000HR เป็นรุ่นที่ออกแบบร่วมกันเป็นครั้งที่ 2 กับ Honda Racing มาในโทนสีแดง-ดำ โดยนำวัสดุอัลลอยพิเศษและไทเทเนียม ซึ่งใช้ในวาล์วเครื่องยนต์ฮอนด้ามาใช้ในตัวเรือนนาฬิกา มีคุณสมบัติทนทานและกันรอยขีดข่วน ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำแนวคิด “Speed and Intelligence” ผ่านภาพลักษณ์มอเตอร์สปอร์ต ระดับโลกโดยมี คุณปิแอร์ แกสลีย์ นักแข่งรถสัญชาติฝรั่งเศสทีม Scuderia Toro Rosso F1 ให้เกียรติมาร่วมงาน
คุณโคจิ ชินโจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาสิโอ มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “ด้วยแนวคิดหลักของแบรนด์ EDIFICE คือ “Speed and Intelligence” คาสิโอได้ ร่วมมือกับ 2 พันธมิตรเพื่อรังสรรค์นาฬิกาสปอร์ตโครโนกราฟเรือนบางรุ่นใหม่ล่าสุดที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ ได้แก่ Scuderia Toro Rosso ทีมแข่งรถของอิตาลีที่มีนักแข่งมากความสามารถ นำมาสู่รถแข่งที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่โดดเด่นในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ทั้งยังได้ร่วมมือกับ Honda Racing ผู้ดูแลในส่วนของกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตของบริษัท ฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ให้กับทีม Scuderia Toro Rosso ตั้งแต่ปี 2018
สำหรับ 2 รุ่นแรก ได้แก่ EDIFICE Scuderia Toro Rosso Limited Edition รุ่น EQB-1000TR และ EFR-S567TR นาฬิกาโครโนกราฟตัวเรือนบางพิเศษ โดดเด่นด้วยการใช้โทนสีน้ำเงิน แดง และเงิน ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสีของรถแข่งรุ่น STR14 ซึ่งทีม Scuderia Toro Rosso ใช้ในการแข่งขันประจำปี 2019 บนหน้าปัดของทั้ง 2 รุ่นมีลวดลายแถบสีแดงที่สะดุดตาบนพื้นหลังสีน้ำเงิน รวมถึงการนำตราสัญลักษณ์ของทีมรูปกระทิง ตกแต่งบนหน้าปัดตำแหน่ง 9 นาฬิกา หน้าปัดกระจกแซฟไฟร์คริสตัล เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนบนพื้นผิวด้านใน เพิ่มความทนทานต่อทุกสภาวะและง่ายต่อการมองเห็น
สำหรับรุ่น EQB-1000TR ขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมฟังก์ชันพิเศษที่สามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน บอกเวลาที่เที่ยงตรงและแม่นยำได้มากกว่า 300 ประเทศทั่วโลก ขอบตัวเรือนและหน้าปัดผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งแข็งแกร่งและมีน้ำหนักเบา พร้อมสายนาฬิกาสีแดงบนพื้นสีน้ำเงินผลิตจากเคฟล่า ประกบด้านในด้วยคอร์ดูล่า ผ้าไนลอนเกรดพรีเมี่ยมถึง 2 ชั้น จึงไม่เพียงให้ความเบาสบายและพอดีกระชับข้อมือเท่านั้น แต่ยังให้ความทนทานอีกด้วย
อีกรุ่นคือ EFR-S567TR ตกแต่งด้วยแถบสีแดงจากรถแข่ง และมีสัญลักษณ์ของทีมประดับบนหน้าปัดทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เสริมลุคสปอร์ตได้อย่างลงตัว พร้อมกระจกแซฟไฟร์คริสตัล ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่ามีความทนทานต่อรอยขีดข่วน
ส่วนอีกหนึ่งคอลเลคชั่น เป็นการออกแบบร่วมกับทีม Honda Racing ได้แก่ EQB-1000HRS และ EQB-1000HR นาฬิกาโครโนกราฟที่มีตัวเรือนบางพิเศษ ขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ สามารถบอกเวลาที่เที่ยงตรงและแม่นยำได้มากกว่า 300 ประเทศทั่วโลก หน้าปัดมีลักษณะพิเศษเป็นลวดลายสีดำและแดง จำลองช่วงเวลาของการเผาไหม้ในกระบอกสูบเครื่องยนต์ พร้อมขอบตัวเรือนที่ผลิตด้วยวัสดุอัลลอยพิเศษและไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้ในวาล์วเครื่องยนต์ หนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของเครื่องยนต์รถแข่งที่ทนต่อแรงดันสูงของการเผาไหม้อย่างต่อเนื่อง
และประดับตราสัญลักษณ์ Honda Racing ที่บนหน้าปัดและฝาหลังของตัวเรือน และบนสายนาฬิกาสีแดงตรงกับสีของแบรนด์ฮอนด้า ผลิตจากเคฟล่า ประกบด้านในด้วยคอร์ดูล่า ผ้าไนลอนเกรดพรีเมี่ยมซึ่งมีน้ำหนักเบา ทนทานต่อการใช้งานและให้ลุคสปอร์ต นาฬิการุ่นลิมิเต็ดนี้มาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์พิเศษ
สำหรับนาฬิกา EDIFICE Scuderia Toro Rosso Limited Edition รุ่น EQB-1000TR มีจำนวนจำกัดเพียง 80 เรือนในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 28,000 บาท รุ่น EFR-S567TR มีจำนวนจำกัดเพียง 120 เรือนในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 11,000 บาท
สำหรับนาฬิกา EDIFICE Honda Racing Limited Edition รุ่น EQB-1000HRS ใหม่ มีจำนวนจำกัดเพียง 20 เรือนในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 42,000 บาท รุ่น EQB-1000HR มีจำนวนจำกัดเพียง 60 เรือนในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 24,000 บาท ทั้ง 2 รุ่นนี้วางจำหน่ายในไทยเป็นแห่งแรกของโลก
